เบต้ากลูเคน (Betaglucan)
เป็นสารประกอบประเภทน้ำตาลหลายโมเลกุล ที่เรียกว่า
......พอลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharide)......
ซึ่งประกอบด้วย น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว คือ
น้ำตาลกลูโคส (D-glucose) เชื่อมโยงกันด้วยพันธะ บีตาไกลโคซิดิก (β-glycosidic)
มีคุณสมบัติทางชีวภาพที่น่าสนใจและมีประโยชน์ต่อร่างกาย
โดยเฉพาะผู้ที่ภูมิต้านทานต่ำ
สารสกัดจากผนังเซลล์ของยีสต์ Saccharomyces Cerevisiae หรือที่เรียกว่า “ยีสต์เบียร์” หรือ “ยีสต์ขนมปัง”
ที่มีโครงสร้างแบบ
Beta 1,3/1,6 D-Glucan ปริมาณสูงถึง 334 mg.
และกลุ่มวิตามินเอ , บี 1 ,บี 2 ,บี 3,บี 6 และวิตามินดี
โดยปริมาณเข้มข้นบริสุทธิ์ของส่วนผสมหลัก Beta 1,3/1,6 D-Glucan นี้มีปริมาณสูงมากกว่า 93%
โดยใช้การสกัดด้วยวิธี HPLC : เป็นเครื่องมือใช้แยกและวิเคราะห์สารประกอบ
ที่เราต้องการออกมาเฉกเช่นเดียวกันกับการผลิตยา
เพื่อให้ได้สารสกัดให้มีประสิทธิภาพและมีผลลัพธ์อย่างชัดเจน
ทำไมเราต้องเสริมภูมิต้านทานให้ร่างกาย ด้วย
· เสริมภูมิต้านทาน (immunomodulators) ของผู้ที่ร่างกายไม่แข็งแรง
เช่น ผู้ป่วย ผู้ที่วางแผนให้เคโม ฉายแสง
· ช่วยเม็ดเลือดในร่างกายมีคุณภาพทั้งจำนวนและปริมาณของเม็ดเลือด
อยู่ในเกณฑ์ที่ให้สามารถเคโมต่อได้
· ลดผลข้างเคียงจากการให้เคโม/ ฉายแสง อาทิ อ่อนแรง อ่อนเพลีย ทานอาหารไม่ได้ เป็นต้น
· ช่วยลดการอักเสบของเเผล ทำให้แผลหายไวขึ้น และการอักเสบต่างๆ ภายในร่างกาย อันก่อให้เกิดโรคต่างๆ
· ผู้ที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง โดยช่วยให้ตับอ่อนทำงานได้ดี การดึงน้ำตาลกลับเข้าเซลล์ ก็ดีขึ้น
· บรรเทาอาการปวดข้อ
· ช่วยให้ผิวพรรณมีน้ำมีนวลเซลล์ผิวได้รับสารอาหารดี ผิวพรรณกระจ่างใส
· คุมระดับไขมันในเลือด
BETA GLUCAN – S ( เบต้า กลูเคน - เอส ) (Mode Of Action ) ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงได้อย่างไร
โดยทั่วไปโครงของเบต้ากลูเคนมีหลายแบบ
ซึ่งโครงสร้าง Beta 1,3/1,6 D-Glucan จะช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิต้านทานได้ดีกว่าโครงสร้างชนิดอื่นๆ
สามารถจับกับตัวรับบนแมคโครเฟจ และ NK cell ได้อย่างจำเพาะ
เปรียบเสมือนอาหารเพิ่มพลังให้กับเหล่าเม็ดเลือดขาว
ที่คอยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเหล่าภูมิต้านทานให้ขยันขันแข็งกันมากขึ้น
โดยจะไปรวมกับ macrophage ให้กลับมาทำงานแบบ alert มากขึ้น แล้วไปต่อสู้กับเชื้อโรค
และช่วย T-Helper cell ทำงานต่อสู้
นอกจากนั้นแล้ว macrophage จะย่อย Beta 1,3/1,6 D-Glucan เป็นตัวน้อยๆ
แล้วไปจับกับ CR-3 Receptor
เสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรงด้วยอีกทาง
ใครที่ควรทาน BETA GLUCAN – S ( เบต้า กลูเคน - เอส )
· ผู้ที่มีต้องการเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย มีอาการเพลีย เหนื่อย รู้สึกไม่สดชื่น ไม่สดใส
· ผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งทุกระยะ แพลนการให้เคโม ฉายแสง จะช่วยลดผลข้างเคียงจากการรักษาควบคู่กับการรักษาหลัก
· ผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง
· ปัญหาภูมิแพ้ ผู้ที่ต้องเผชิญมลภาวะ เป็นหวัดง่าย แพ้อากาศ ผู้ที่ป่วยบ่อยๆ พักผ่อนน้อย หลับไม่สนิท
· ผู้ที่รักสุขภาพ และต้องการฟื้นฟูสุขภาพตัวเอง
· ผู้ที่ผิวพรรณหมองคล้ำ ไม่สดใส
***. คนที่ภูมิตกต่ำ จะเห็นผลไว อย่างชัดเจน กว่าคนปกติ ****
ทาน เบต้ากลูเคน เอส อย่างไร
รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล อย่างต่อเนื่องทุกวัน
สามารถทานได้มากสุดถึงวันละ 6 แคปซูลทั้งนี้ ขึ้นกับคนไข้แต่ละคน
ประโยชน์ของ betaglucan โดยรวม:
o ช่วยปรับภูมิคุ้มกัน (Immunomodulating activity)
เบต้ากลูเคน (Betaglucan) ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน (immune system) โดยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้กับเชื้อโรค
หลายงานวิจัยพบว่า
การบริโภค เบต้ากลูเคน (Betaglucan) ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคหลายๆ ชนิด เช่น โรคหวัดหรือภูมิต้านทานต่ำ แม้กระทั่งเรื่องสร้างภูมิต้านทานเพื่อต่อต้านกับมะเร็ง
o ฤทธิ์ยับยั้งกระบวนการเกิดเนื้องอก (Anti-tumor activity)
ป้องกันกระบวนการ เจริญเติบโตของเนื้องอก กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัดและช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเนื้องอก เป็นต้น
o ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด (Anti-diabetes activity):
เบต้ากลูเคน (Betaglucan) มีสมบัติที่ช่วยลดความดันเลือดและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและโรคหัวใจ.
o ควบคุมระดับไขมันในเลือด (Anti-lipidemia activity):
โดยช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไขมันในเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยที่เสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด.
o ป้องกันการอักเสบ (Anti-inflammation activity):
เบต้ากลูเคน (Betaglucan) ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับหลายๆ โรคเรื้อรัง เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ, โรคมะเร็ง, และโรคอักเสบของข้อต่อบางชนิดด้วย
o ฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย (Anti-bacterial activity)
เบต้ากลูเคน (Betaglucan) ช่วยยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อแบคทีเรีย ในกรณีที่เกิดแผลติดเชื้อได้
💢ที่สำคัญ💢
การเลือกชนิดของ เบต้ากลูเคน (Betaglucan)
· ควรเลือกขนาดที่มีเข้มข้นสูง และบริสุทธิ์
· ต้องเป็นชนิดโครงสร้าง Beta-1,3/1,6 D-Glucan จะเห็นผลเร็วมาก
· ควรรับประทานในช่วงเวลาใดก็ได้ แต่ช่วง เช้าจะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากอวัยวะในระบบทางเดินอาหารยังไม่ทางานหนัก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการดูดซึม สารอาหารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
การดูแลตนเองก่อนการผ่าตัด ทวารเทียม
การเตรียมด้านจิตใจ คุณควรรู้ไว้ว่า ยิ่งตรวจพบมะเร็งและได้รับการ รักษาเร็ววันเท่าไร โอกาสหายยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น การ ดูแลทวารเทียมไม่ใช่เรื่องยาก คุณภาพชีวิตยังเหมือนเดิม แพทย์ พยาบาล จะเป็นผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับชนิด ของการผ่าตัด ควรซักถามให้หายข้อสงสัย
การเตรียมด้านร่างกายก่อนการผ่าตัด
1. การดูแลทำความสะอาดร่างกายก่อนเข้ารับการ ผ่าตัด รวมทั้งการทำความสะอาดโกนขน
2. การเตรียมความสะอาดล าไส้เพื่อพร้อมผ่าตัด ได้แก่ - การรับประทานยาระบายก่อนการผ่าตัด - การสวนทวารหนักด้วยน้ าสบู่ หรือน้ าเกลืออุ่น
3. การรับประทานยาปฏิชีวนะในวันก่อนการผ่าตัด
4. การงดอาหารและน้ำ หลังเที่ยงคืนวันผ่าตัด
5. ฝึกการหายใจเข้า –ออกลึกๆ เพื่อการหายใจที่มี ประสิทธิภาพหลังผ่าตัดเมื่อฟื้นตัวจากยาสลบได้ เร็ว
6. การถอดเครื่องประดับของมีค่า ฟันปลอม ออก จากร่างกาย
7. การได้รับสารน้ าทางหลอดเลือดดำ
8. การได้รับการใส่สายสวนปัสสาวะ เพื่อระบายน้าปัสสาวะขณะผ่าตัด
9. การได้รับ การใส่สายทางจมูกลงกระเพาะอาหาร เพื่อระบายเศษอาหารที่คั่งค้างในกระเพาะอาหาร ออกมา
การดูแลตนเองหลังการผ่าตัด ทวารเทียม
วิธีทำความสะอาดทวารเทียมและผิวหนัง โดยรอบ (กรณีผู้มีทวารเทียมทางหน้าท้อง)
1. ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ าสบู่ ลอก หรือถอดอุปกรณ์รองรับจาก ผิวหนัง
2. ท าความสะอาดทวารเทียมและผิวหนังโดยรอบทวาร เทียมด้วยน้ำสบู่อ่อน เช็ดหรือล้างคราบสบู่ออกให้ หมดด้วยน้ำสะอาด ซับผิวหนังโดยรอบทวารเทียมให้ แห้ง
3. กรณีใช้อุปกรณ์แบบ 2 ชิ้น และแป้นยังใช้การได้ดี ให้ทำความสะอาดทวารเทียมและวงด้านในของแป้น ด้วยส าลีชุบน้ำสะอาดพอหมาด ๆ จนหมดคราบ สกปรก
4. เตรียมพร้อมที่จะปิดอุปกรณ์รองรับสิ่งขับถ่าย
วิธีการใช้อุปกรณ์รองรับสิ่งขับถ่าย
1. เลือกถุงที่มีขนาดของทวารทียมเท่ากับขนาดทวาร เทียมของท่าน
2. กรณีที่ต้องตัดขนาดวงของทวารเทียมเอง ใช้แบบวัด เทียบขนาด หรือลอกขนาดทวารเทียมของท่านลงบน แผ่นพลาสติกใส น าไปเป็นแบบเพื่อตัดขนาดวงทวาร เทียมที่ถุง
3. หลังจากตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลอกกระดาษกาวออก นำุถุงปิดครอบทวารเทียมของท่าน ให้ตัวถุงติด สนิทกับผิวหนังโดยรอบ โดยเริ่มติดที่ส่วนล่างของ ทวารเทียมก่อน ยกเว้นกรณีใช้ถุงแบบ 2 ชิ้น ให้ลอก กระดาษกาวออก นำแป้นไปปิดครอบทวารเทียม เริ่มติดส่วนล่างก่อนและติดให้ตัวแป้นแนบสนิทกับ ผิวหนังโดยรอบ แล้วติดถุงรองรับให้แน่นสนิทกับ แป้นโดยเริ่มติดส่วนล่างก่อน
4. กรณีใช้ถุงปลายปิด พับถุงรองรับขึ้น 1 นิ้ว ปิดปลาย ถุงให้สนิทด้วยคลิปหรือหนังยาง
การรับประทานอาหาร สำหรับผู้ที่มีทวารเทียมที่เปิดออกจากลำไส้เล็ก ส่วนปลายในระยะ 2 เดือนแรกหลังผ่าตัด
ควรงดอาหารที่มี เส้นใยมาก เช่น ถั่วและผลไม้แห้ง หลังจากนั้นจึงค่อยๆ เริ่มรับประทานทีละน้อย เพื่อป้องกันท้องผูกและล าไส้อุด ตัน ส่วนท่านที่มีทวารเทียมที่เปิดออกจากลำไส้ใหญ่มักจะ ไม่มีข้อจำกัดพิเศษใดๆ ยกเว้นในกรณีที่มีปัญหา เช่น
- กรณีมีแก๊สมาก ควรหลีกเลี่ยงอาหารตระกูลถั่ว น้ าอัดลม การเคี้ยวหมากฝรั่งและการพูดคุย ขณะรับประทานอาหาร
- กรณีที่มีกลิ่น ควรหลีกเลี่ยงอาหารทะเล ฝัก สะตอ ชะอม และเครื่องเทศต่าง ๆ
- กรณีท้องเสีย ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เครื่องเทศและควรดื่มน้ ามาก ๆ
- กรณีท้องผูก ควรรับประทานอาหารที่มีเส้นใย เช่น ผัก ผลไม้ และควรดื่มน้ ามาก ๆ
หน้าที่เข้าชม | 70,916 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 39,209 ครั้ง |
เปิดร้าน | 31 พ.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 25 ส.ค. 2568 |